Keyword Research คืออะไร ดูวิธีหาและการวิเคราะห์ Keyword ที่ช่วยให้ติดหน้าแรก

Keyword Research

แมวส้มเคยนำเสนอบทความที่พาทุกคนไปทำความรู้จักกับคำว่า Keyword คืออะไรกันไปแล้ว รอบนี้เลยจะมาถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการสรรหาคำ Keyword เหล่านี้มาใช้งานเพื่อทำ SEO ในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น

นั่นคือ กระบวนการทำ Keyword Research ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญมากๆ เพราะนี่คือกระดุมเม็ดแรกที่คุณจะต้องทำการติดให้ถูก (ถ้าวางแผน Keyword ผิดขึ้นมานี่ส่งผลต่อการทำ SEO ในระยะยาวแน่ๆ ) 

มาดูกันดีกว่าว่า Keyword Research คืออะไร สำคัญยังไง และจะวางแผนเลือกใช้ Keyword อย่างไรถึงจะช่วยให้ติดหน้าแรกบน Google ได้บ้าง บทความนี้แมวส้มมีคำตอบมาฝากแล้ว

Keyword Research คืออะไร

Keyword Research คือ กระบวนการหรือขั้นตอนการหาคำค้นหา (Keyword) ที่ผู้คนใช้กันบน Search Engine  แล้วนำมาทำ SEO เพื่อให้หน้าเว็บไซต์หรือหน้าบทความนั้นๆ ติดอันดับบน SERPs เพื่อให้ผู้คนพบเจอเว็บไซต์ได้มากขึ้น 

ยกตัวอย่างเช่น คุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอาหารแมว แน่นอนว่า Keyword ที่ใช้ก็ต้องเป็นคีย์เวิร์ดที่ผู้คนมี Search Intent ที่ใช้เพื่อค้นหาเพื่อดูข้อมูลหรือซื้ออาหารแมว เช่น ซื้ออาหารแมว, อาหารแมวยี่ห้อไหนดี, อาหารแมวราคาส่ง เป็นต้น

ทำไมต้องทำ Keyword Research

แล้วทำไมต้องทำ Keyword Research ล่ะ? ในเมื่อเราก็เห็นอยู่แล้วว่า คนน่าจะใช้คำประมาณไหนในการค้นหาบน Search Engine อย่าง Google 

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจก่อนนะว่า ไม่ใช่ทุกคีย์เวิร์ดที่เราคิดขึ้นได้จะมีคนค้นหา และก็ไม่ใช่ทุกคีย์เวิร์ดอีกนั่นแหละที่เราจะสามารถเอาชนะคู่แข่งเพื่อขึ้นสู่ Ranking สูงๆ ได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เราต้องทำ  Keyword Research เพื่อที่จะทำให้เรารู้ได้ว่าจริงๆ แล้วกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้เว็บไซต์ของเราเขาค้นหา Keyword แบบไหนกันแน่ 

ยกตัวอย่างเช่น เราทำร้านซอสผัดกะเพรา แน่นอนว่า การจะเข้าถึงเป้าหมายได้ก็ต้องใช้คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ธุรกิจทำ เช่น ซอสผัดกะเพรา ยี่ห้อไหนอร่อย, ซอสผัดกะเพราสูตรเข้มข้น แต่ก็ไม่ใช่ว่าคำที่เราคิดนี้จะมีคนค้นหา เพราะผู้คนอาจจะพิมพ์คำว่า ‘กะเพรา’ เป็น ‘กระเพรา’ ตามความเคยชินก็ได้ 

ดังนั้น เราจึงต้องทำ Keyword Research เพื่อหาว่า คนเขียนคำว่า กะเพราแบบไหน และเขียน Long Tail Keyword แบบใด เพื่อที่จะได้หยิบคำที่มีคนเสิร์ชจริงๆ มาใช้งานได้ถูกต้อง ซึ่งคำที่มีคนใช้จริงนั้นจะมีสิ่งที่เรียกว่า Search Volume เป็นตัวบอก ถ้าตัวเลข Search Volume เยอะก็แสดงว่า มีคนค้นหาคำๆ นั้นเป็นจำนวนมากนั่นเอง

นอกจากนี้การทำ Keyword Research ยังช่วยทำให้เราประเมินได้ด้วยว่า คีย์เวิร์ดนั้นๆ มีคู่แข่งมาก-น้อยแค่ไหน ทำการแข่งขันได้หรือไม่ เพราะถ้าเลือก Keyword ที่เอาชนะได้ยากโอกาสที่จะทำอันดับจนติดหน้าแรกได้ก็จะยิ่งน้อยนั่นเอง และเรื่องนี้ยังส่งผลต่อการลงทุนรวมถึงความคุ้มค่าในการทำ SEO อีกด้วย 

วิธีการทำ Keyword Research Strategy

เอาล่ะ! มาถึงหัวข้อที่ทุกคนรอคอย นั่นคือ วิธีการทำ Keyword Research Strategy มาดูกันดีกว่าว่า ปกติแมวส้มวางแผน Keyword อย่างไรบ้าง ตามขั้นตอนต่างๆ ดังต่อไปนี้

  1. หาไอเดียสำหรับทำ Keyword Research

ขั้นแรกเลยเราต้องทำการหาไอเดียในการวางแผน Keyword กันก่อน โดยอาจจะเริ่มจากวิธีการง่ายๆ อย่างเช่น

  • ตั้งคำถาม 5 W 1 H

ลองทำการตั้งคำถามดูซิว่า ถ้าคุณเป็นลูกค้าและต้องการหาสินค้าอะไรสักอย่างจะค้นหาสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอย่างไรบ้าง หรือคุณอาจจะดูว่าใครในนี้คือลูกค้าของคุณได้บ้าง ยกตัวอย่างเช่น

คุณขายสินค้าเกี่ยวกับกระเช้าของขวัญ

คำถามคำตอบ
ใคร (Who) – กลุ่มเป้าหมายคนที่กำลังหาของขวัญในช่วงเทศกาลบริษัทที่ต้องการของขวัญสำหรับลูกค้าคนที่จะไปแสดงความยินดีในวันสำคัญ
อะไร (What) – คุณขายอะไรกระเช้าของขวัญ
ที่ไหน (Where) – สถานที่ตั้งของร้านกรุงเทพฯลาดพร้าวยูเนียนมอลล์
เมื่อไหร่ (When) – ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องปีใหม่, วาเลนไทน์, สงกรานต์, วันแต่งงาน, วันเกิด
ทำไม (Why) – ทำไมต้องซื้อสินค้าจากคุณมีคุณภาพ, ส่งเร็ว, มีหน้าร้าน, ส่งฟรี 

เมื่อได้คำตอบของคำถามก็อาจจะนำคำเหล่านี้ในการแตกประเด็น Keyword และดูว่าคำไหนมีคนค้นหาบ้าง 

  • ใช้ Keyword Suggestion จาก Google

สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ในด้านการเขียน SEO Content Writing หรือเพิ่งเริ่มต้นในการทำ Research Keyword อีกหนึ่งวิธีการที่ง่ายที่สุดคือใช้ฟังก์ชันของ Google ให้เป็นประโยชน์ โดยการพิมพ์คีย์เวิร์ดที่ต้องการหาลงไปในช่องค้นหา Google จะแนะนำคำที่คนมักใช้ค้นหาเกี่ยวกับคำๆ นั้นขึ้นมาให้

  1. วิเคราะห์ Keyword ด้วย SEO tools

ขั้นต่อมาจะเป็นการนำ Keyword ที่เราได้เป็นไอเดียมาวิเคราะห์ต่อด้วยการใช้ SEO tools ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ โดย SEO tools จะช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์ตัวเลขว่า Keyword ไหนที่ที่มีปริมาณการค้นหาบ้าง มีการค้นหาในรูปแบบไหน และมีคู่แข่งเยอะหรือไม่ โดย Metrics พื้นฐานที่มักจะต้องใช้ในการวิเคราะห์เลยก็คือ

  • Search Volume คือ ปริมาณการค้นหาคีย์เวิร์ดนั้นๆ ในแต่ละเดือน
  • Search Trend คือ การเฉลี่ยว่าคีย์เวิร์ดนั้นๆ ในแต่ละเดือนคนเสิร์ชเป็นอย่างไร ช่วงไหนเยอะหรือน้อย เทรนด์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไรบ้าง
  • Keyword Difficualty (KD) คือ ค่าความยากง่ายของ Keyword โดยเทียบจากจำนวนคู่แข่งและความยากง่ายในการทำอันดับ
  • Cost per click หรือ CPC คือ ค่าเฉลี่ยที่แสดงถึงราคาที่ต้องจ่ายต่อ 1 คลิกโฆษณา ใช้ดูว่า Keyword ไหนที่คนเล็งไว้ว่าเป็นคีย์เวิร์ดทำเงิน ถ้ามีคนซื้อ Ads เยอะแสดงว่าคีย์เวิร์ดนั้นสร้าง Conversion ได้
  1. หา Keyword ทองคำให้เจอ

Keyword ทองคำในที่นี้แมวส้มขอนิยามเอาไว้ว่าเป็นคีย์เวิร์ดที่มีปริมาณการค้นหาระดับหนึ่ง (ไม่ได้เยอะล้นหลามแต่ก็ไม่น้อยมากจนเกินไป) มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจ และเว็บไซต์ของคุณสามารถทำการแข่งขันได้ โดยส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคำที่เป็น Longtail Keyword

  1. ทำ Topic Cluster

เมื่อเลือก Keyword ที่ต้องการจะทำได้จำนวนหนึ่งให้ทำสิ่งที่เรียกว่า Topic Cluster ซึ่งเป็นการจัดกลุ่มคอนเทนต์ที่มีเนื้อหาเชื่อมโยงหรือใกล้เคียงกันเข้ามาไว้ด้วยกัน และนำมาโยงเข้ากับคอนเทนต์หลัก (Pillar Content) เพื่อให้การทำ SEO มีประสิทธิภาพมากขึ้น

โดยใน 1 เว็บไซต์สามารถมี Topic Cluster ได้มากมาย แต่ควรจัดกลุ่มและทำการเชื่อมโยงไปยังคอนเทนต์หลักอย่างมีการวางแผน ก็จะช่วยทำให้การทำ Research Keyword มีคุณภาพมากขึ้นจากการที่คนทำคอนเทนต์รู้ว่าจะต้องเขียนเนื้อหาอย่างไร แบบไหนให้เชื่อมโยงถึงกันได้มากที่สุด

แนะนำเครื่องมือช่วยทำ Keyword Research ฟรี

อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงอยากจะลองทำ Keyword Research แล้วใช่มั้ยล่ะ? แต่ก่อนจะไปลงทุนซื้อเครื่องมือทำ SEO แพงๆ แนะนำให้เริ่มต้นจับทางวิธีการทำจากเครื่องมือฟรีของ Google ที่มีอยู่เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น

Google Search Console

Google Search Console คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ใช้ในการตรวจสอบ Performance ของเว็บไซต์ไปจนถึงคุณภาพของการติดอันดับของเว็บไซต์ได้

โดยปกติเราจะใช้ Google Search Console เช็กว่าเว็บไซต์ของเรานั้นมี User เข้ามาผ่านคีย์เวิร์ดอะไรบ้าง ส่วนในแง่ของการวางแผน Keyword Research ก็สามารถใช้เครื่องมือนี้ในการวิเคราะห์ Keyword ได้ เช่น นำคีย์เวิร์ดที่ติดอยู่ในอันดับที่หน้า 2 และดูแล้วว่าน่าจะมีโอกาสแข่งขันในหน้า 2 มาปรับ On-Page ใหม่ หรือทำ Keyword อื่นเพื่อเสริมให้ติดอันดับที่ดีขึ้น

Google Keyword Planner

Google Keyword Planner คือ เครื่องมือฟรีจาก Google ที่ปกติมักใช้สำหรับทำ Google Ads แต่เราก็สามารถเข้าไปใช้เพื่อวางแผน Keyword Research ได้ โดยทำการกรอกคีย์เวิร์ดที่ต้องการรู้ลงไป ก็จะมีการบอกรายละเอียดที่เกี่ยวกับคำค้นหานั้นๆ ทั้งปริมาณการค้นหา เทรนด์การเสิร์ช คู่แข่งเยอะหรือน้อย ไปจนถึงเงินที่ใช้ในการ Bidding ก็มีบอกรายละเอียดให้ทั้งหมด

Google Trend

Google Trend คือ อีกหนึ่งเครื่องมือฟรีจาก Google ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับตรวจสอบเทรนด์ของ Keyword แต่เราจะหยิบมาใช้เพื่อทำ SEO ก็ได้ เช่น เราสงสัยว่า คำๆ นี้ยังเป็นที่นิยมมากแค่ไหน

อย่างคำว่าหน้ากากอนามัย เราสงสัยว่าเดี๋ยวนี้คนยังค้นหาสิ่งนี้หรือไม่ ผลปรากฏว่ามีแนวโน้มน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับช่วงโควิด ถ้าต้องทำ SEO เพื่อขายสินค้านี้ก็อาจจะต้องคิดเยอะหน่อยเนื่องจากเป็นเทรนด์ช่วงขาลง เป็นต้น 

สรุปวิธีการทำ Keyword Research

สรุปแล้วการทำ Keyword Research คือ ขั้นตอนสำคัญที่จะทำให้เราหา Keyword ที่ทั้งเกี่ยวข้องกับธุรกิจ มีคนใช้อยู่จริง มีปริมาณการค้นหา และสามารถทำการแข่งขันได้เจอ ซึ่งจะช่วยทำให้การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization มีประสิทธิภาพที่ดี นำพาไปสู่อันดับบนหน้า Search Engine สูงๆ ตามที่ต้องการ  

การทำ Keyword Research จึงมีความสำคัญมาก เพราะจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเว็บไซต์ที่ User และ Search Engine มอง ไปจนถึงส่งเสริมการขายจากการที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายด้วย Keyword ที่พวกเขาใช้ค้นหาอย่างแท้จริง 

ดังนั้น แนะนำให้คุณใช้เวลากับการทำ Keyword Research สักหน่อยเพื่อที่จะได้ค้นหา Keyword ที่เหมาะสมกับธุรกิจที่สุด และจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาวางแผนแก้ไข Keyword ใหม่ในภายหลังด้วยนะเมี้ยว~